จั่วหัวมาแบบนี้ อาจจะดูรุนแรงสักหน่อยครับ แต่ผมก็ต้องบอกตามตรงว่า หลายคนเป็นแบบนั้นจริงๆ
ผมยกหลักการวางแผนการเงินระดับโลก อย่างปิรามิดทางการเงิน มาอธิบายบ่อยมากครับ ซึ่งตามหลักการ และ ความเป็นจริง ก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนครับ พื้นฐานของปิรามิดนั้น คือ การ Protection
แบ่งเป็น2อย่าง คือ
#1เงินก้อนแรกที่ควรมี หรือเงินสำรองฉุกเฉิน 3-6เท่า ของรายจ่ายประจำเดือน
#2การวางแผนเกี่ยวกับการประกันต่างๆ ทั้งชีวิต และทรัพย์สิน
ปัญหาส่วนใหญ่ ของคนที่วางแผนการเงินไม่สำเร็จ และจะนำมาซึ่งความผิดพลาดในชีวิตในหลายๆอย่าง เพราะพังที่ขั้นนี้แหละครับ แต่สำหรับข้อแรก คือเงินสำรอง ผมว่ายังไม่รุนแรงเท่าข้อ2 เพราะเงินสำรอง สุดท้ายแล้วแม้คุณไม่มี เราต้องพยายามดิ้นรนหามากินใช้จนได้แหละครับ
#แต่ข้อ2คือส่วนของประกันต่างๆ เป็นข้อที่ทำให้แผนการเงิน ความฝัน ชีวิตคนครอบครัว อนาคตลูก อนาคตตัวเอง #พังพินาศ กัน ก็ตรงนี้ ผมไม่ได้พูดเกินจริง ถ้ายังไม่เห็นภาพ ถามตัวเองในวันนี้ว่า หากพรุ่งนี้คุณได้รับแจ้งว่าเป็นมะเร็งระยะ2 และคุณไม่มีประกันสักเล่ม ไม่มีสวัสดิการใด ๆ คุณจะทำยังไงกับอนาคต?
เอาเงินเก็บที่มีออกมาใช้ มีกี่ล้านครับ?
พอร์ตเงินสำหรับเกษียณ ก็ต้องเอาออกมาจริงหรือ?
ทรัพย์สินที่มี ก็ต้องทยอยขาย ขายง่ายเหรอครับ?
ฯลฯ
คุณจะทำยังไง กับค่ารักษา และ อนาคตตัวเอง อนาคตครอบครัว ภาระต่างๆที่แบกรับอยู่...
#อยากเห็นภาพอีกนิด หากคนที่ป่วยนั้น เป็นคนที่คุณรัก พ่อ แม่ สามี ภรรยา คุณคิดภาพความกดดันออกมั้ยครับ ในเรื่องค่าใช้จ่าย...
ผมบอกให้คิด ให้จินตนาการ เพราะบางครั้ง เราพร้อมตายครับ และ เราไม่พร้อมจะปล่อยให้คนที่เรารักตายครับ ไม่ว่าใครทั้งนั้น #ทำประกันไว้เถอะครับ ผมขอกันตรงๆแบบนี้ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของคุณ ของคนข้างหลัง ของคนที่คุณรัก และ รักคุณ
แม้ว่าวันนี้คุณจะมีสวัสดิการแล้ว พึงระลึกไว้ครับ ว่าสวัสดิการติดอยู่กับเก้าอี้ ไม่ได้ติดกับตัวคุณ มันไม่ถาวร อะไรที่เป็นของตัวเอง จงทำให้ติดกับตัวเองให้มากที่สุด อย่าพึ่งพิงสวัสดิการใดๆจากคนอื่น หลายคนดื้อ หลายคนคิดไม่ได้ ผมไม่ว่าอะไรเลยครับหากคุณจะละเลยตอนนี้ และ เรามักกลัวสิ่งที่เรา " ไม่รู้" เสมอ ผมทำได้เพียง ถ่ายทอดให้คุณ "รู้" มากที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้
ส่วนความดื้อรั้น และ อคติ คุณต้องลบมันด้วยตัวเอง ด้วยความเข้าใจ ด้วยความรัก ที่คุณมีต่ออนาคตตัวเอง และคนข้างๆที่รักคุณ
-- ด้วยความปรารถนาดีจากหัวใจครับ --
Comments