เครื่องมือในการโอนย้ายความเสี่ยงที่ดีที่สุดคือ"ประกัน"
แต่มีคนน้อยเหลือเกินที่รู้ว่าจะต้องทำเท่าไหร่ดี
บางคนก็มีทุนประกันเพียงแค่ได้ชื่อว่ามี ได้ทำแล้ว
พอถึงเวลาที่ต้องใช้ประโยชน์จากประกัน
มักพบว่าที่ทำมาน้อยเกินไป ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย
ตามหลักสากลมีวิธีคำนวณทุนประกันที่เหมาะสมอยู่ 2วิธี
วิธีแรกเรียกว่า Eazy Method
หลักคิดคือหากผู้ที่เป็นผู้นำหรือหารายได้เลี้ยงครอบครัวจากไป
ครอบครัวควรจะมีเงินประมาณ 70%ของรายได้ปัจจุบันของผู้นำครอบครัว
ไปอย่างน้อย 7ปี ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ครอบครัวสามารถปรับตัวได้ทัน
ตัวอย่าง ผู้นำครอบครัวคนหนึ่งมีรายได้ปีละ 1ล้านบาท
หากเขาจากไป ครอบครัวควรมีรายได้เสมือนว่าเขายังอยู่
อย่างน้อย 700,000 บาท ไปอย่างน้อย 7ปี
คือ 700,000 x 7 = 4,900,000 บาท
วิธีที่2 เรียกว่า Non-Working Spouse
หลักคิดก็คือ หากผู้นำที่เลี้ยงดูครอบครัวจากไป
ครอบครัวควรมีเงินสำหรับดูแลค่าใช้จ่ายของครอบครัว
ไปจนกว่าลูกคนเล็กเรียนจบมหาวิทยาลัย
ตัวอย่าง ผู้นำครอบครัวหนึ่งมีค่าใช้จ่ายดูแลครอบครัวปีละ 600,000 บาท
มีลูก1คนอายุ 2ขวบ กว่าลูกเรียนจบก็อายุ 22 ปี
นั่นหมายความว่ากว่าลูกจะเรียนจบก็ใช้เวลา 20ปี
หากผู้นำครอบครัวคนนี้จากไป
จำนวนเงินที่ครอบครัวต้องมีคือ 600,000 x 20 = 12,000,000 บาท
(ในกรณีที่ครอบครัวนำเงินไปลงทุนได้ผลตอบแทนเท่าเงินเฟ้อ)
ตัวเลขที่คำนวณได้นี้ควรรวมกับภาระหนี้สินที่มีด้วย
เช่นหนี้บ้านคงค้าง หนี้สินเชื่อรถยนต์คงค้าง
เห็นตัวเลขขนาดนี้อย่าเพิ่งตกใจนะครับ
เพราะจำนวนเงินที่ต้องเตรียมทั้งหมดนี้
ต้องหักด้วยสินทรัพย์ที่สามารถแปลงเป็นเงินสดที่เรามีไว้แล้ว
เช่นเงินฝาก พันธบัตร กองทุน หุ้น ทองคำ ทุนประกันชีวิตที่มีอยู่
เราก็จะทราบว่าเราต้องเตรียมสินทรัพย์เพิ่มอีกหรือไม่
และวิธีที่ง่ายที่สุด ประหยัดที่สุดในการเตรียมเงินก้อนนี้คือ
การเตรียมด้วยทุนประกันชีวิต
และวิธีที่คุณจะมีทุนประกันก้อนนี้ได้นอกจากค่าเบี้ยประกัน
ที่คุณจะใช้เงินแค่ 1-4% ต่อปีของทุนประกันที่ต้องมีแล้ว
คุณต้องมีสุขภาพที่ดีของคุณในปัจจุบันด้วย
คุณถึงจะมีทุนประกันก้อนนี้ได้
ดังนั้นหากคุณรู้แล้วว่าคุณยังเตรียมเงินก้อนนี้ไม่พอ
แต่คุณพอที่จะจ่ายเบี้ยประกันไหวและคุณมีสุขภาพที่ยังดี
ตัดสินใจทำเพื่อคนที่คุณรักเถอะครับ