ตอนที่ผมเรียนจบแล้วเริ่มทำงานใหม่
ในฐานะตัวแทนประกันชีวิตเต็มเวลาเมื่อ25ปีที่แล้ว
เวลาไปบอกใครว่ามาทำงานขายประกัน
เกือบทุกคนก็มักจะบอกผมว่า
อย่าไปทำเลย มันยากนะ มีแต่คนล้มเหลว
ไปทำงานอื่นแล้วทำงานนี้เป็นพาร์ทไทม์เถอะ
เสียดายอุตส่าห์เรียนจบมาได้เกียรตินิยม
และคำแนะนำว่าอย่ามาทำอีกมากมาย
ทั้งๆคนที่แนะนำผม บอกผมอย่างนั้น
แทบทั้งหมดไม่เคยทำงานนี้มาก่อน
มีบางคนเคยทำมาเหมือนกันแต่ก็ล้มเหลว
ผมต้องต่อสู้กับเสียงความคิดของคนอื่นๆมากมาย
ผมมีประโยคที่ใช้เตือนตัวเอง
เพิ่มพลังให้กับตัวเองเพื่อที่จะผ่านจุดนี้มาได้คือ
"คนส่วนใหญ่มักแชร์ความคิด
แต่มีคนน้อยคนเหลือเกินที่พร้อมแชร์เงินในกระเป๋าให้เรา"
ผมบอกตัวเองแบบนี้ทุกครั้ง มันให้พลังกับผมจริงๆครับ
ลองสังเกตดูสิครับ เวลาที่คุณจะทำอะไร หรือทำอะไร
มักจะมีคนที่รู้สึกว่าหวังดีต่อเราจัง
มาคอยบอกว่าคุณทำโน่นได้ ทำนี่ไม่ได้หรอก
แล้วดูดีๆเถอะครับ
บางทีก็เป็นคนที่คุณไม่ได้เข้าไปขอคำปรึกษาด้วยซ้ำ
แต่อาสาสมัครมาเอง 5555
เวลาที่คุณจะทำอะไร คุณควรศึกษา
ค้นคว้าด้วยตัวคุณเอง
คุณอาจจะขอคำปรึกษาก็ได้นะ
แต่ขอให้ดูดีๆว่าคนที่คุณจะขอคำปรึกษา
น่าจะเป็นคนที่คุณมั่นใจว่าเค้ารู้จริงในสิ่งที่คุณกำลังจะทำ
หรือมีประสบการณ์ในสิ่งที่คุณต้องการรู้มาก่อน
แต่ยังไงๆสุดท้ายแล้วคุณนั่นแหล่ะครับที่ต้องเป็นผู้ตัดสินใจเอง
ผมว่านะในที่สุดแล้วคุณควรฟังเสียงในหัวใจของคุณ
คุณควรรู้จักและเข้าใจตัวคุณเองให้มากที่สุด
คุณไม่จำเป็นที่ต้องเหมือนใคร
ไม่จำเป็นที่ต้องทำตามใคร
อย่าเอาคำพูดของคนอื่น
โดยเฉพาะคนที่ไม่ได้รู้จักคุณจริง
หรือรู้ในสิ่งที่คุณกำลังทำ
มาแปะไว้บนหน้าผากของคุณเอง
เช่นต้องทำงานแบบนี้สิมั่นคง ทำแบบนี้สิรวย
ใช้โทรศัพท์ยี่ห้อนี้สิดี รถแบบนี้สิเจ๋ง
กินแบบนี้สิอร่อย กระเป๋าแบบนี้สิหรู
เที่ยวแบบนี้สิสนุกฯลฯ
ยิ่งคุณฟังความคิดของคนอื่น
มากกว่าความคิดของตัวคุณเอง
สิ่งที่จะตามมาก็คือความเครียด ความวิตกกังวล
ถ้าเป็นแบบนี้แล้ว
คุณจะมีความสุขในชีวิตได้อย่างไร
ก่อนที่คุณจะมีอิสรภาพทางการเงิน อิสรภาพในชีวิต
คุณควรมีอิสรภาพทางความคิดเสียก่อน
ถ้าคุณยังมีชีวิตอยู่ภายใต้ลมปากหรือความคิดของคนอื่น
ก็อย่าหวังที่จะมีอิสรภาพอย่างที่คุณต้องการเลยครับ