เครื่องมือทางการเงินที่นิยมใช้ในการโอนย้ายความเสี่ยงคือ

"ประกัน"

ในปัจจุบันผู้คนมีความเข้าใจในคุณค่า

และประโยชน์ของการประกันมากขึ้น

แต่ก็ยังมีความเข้าใจในการทำประกันจริงๆน้อยมากครับ

อาจเป็นเพราะคนขายไม่สามารถทำให้ผู้ซื้อเข้าใจได้ชัดเจนก็ได้

ถ้าทุกคนเข้าใจในนิยามของการประกันชีวิต

ผมว่าจะไม่มีใครปฏิเสธการทำเลย

"ประกันชีวิตคือเงินสดก้อนหนึ่ง

ที่จะมอบให้กับใครคนใดคนหนึ่ง

ในเวลาใด เวลาหนึ่ง"

เงินสดก้อนนี้จะมอบให้กับคนที่เค้ารัก

ในเวลาที่เค้าต้องจากไป

เงินสดก้อนนี้จะมอบคืนให้เจ้าของกรมธรรม์

ในเวลาที่กรมธรรม์แบบสะสมทรัพย์ของเค้าครบกำหนด

ถ้าคนเข้าใจประกันตามนิยามนี้

ผมว่าจะไม่มีใครปฏิเสธการทำประกันเลยจริงมั๊ย

และคนที่มีหน้าที่สำคัญที่จะทำให้ผู้คนเข้าใจคุณค่าของประกัน

และมีการเตรียมเงินสดก้อนนี้ที่มากพอ

ให้กับคนที่เค้ารักคือคนขายนั่นเอง

แต่วันนี้ผมยังเห็นคนขายจำนวนมากที่ขายประกันไม่ค่อยถูกต้อง

ขายโดยพยายามเอาผลตอบแทนเข้าล่อ

ขายโดยการขอให้ช่วย

ขายโดยไม่ดูความเหมาะสมหรือความจำเป็นของลูกค้าเลย

วันนี้มีน้องที่ได้รับรางวัลการโค้ชการเงินส่วนตัวจากผม

มานั่งคุยกันถึงเป้าหมายการเงินด้านต่างๆ

ผมวิเคราะห์ความจำเป็นเรื่องของการประกัน

ซึ่งครอบคลุมถึงภาระหนี้สินที่มี

และจำนวนเงินที่ต้องมีเพื่อดูแลพ่อแม่ต่อไป

หากมีอะไรเกิดขึ้นกับน้องเค้า

เพื่อภาะรต่างๆน้องควรมีทุนประกันประมาณ 3ล้านบาท

ผมให้น้องทายเบี้ยประกัน

น้องบอกว่าคงหลายหมื่นหรือเป็นแสนทำไม่ไหวแน่ๆ

เพราะเมื่อสัปดาห์ก่อนมีธนาคารเสนอให้ทำประกันแบบสะสมทรัพย์

ทุนประกัน 100,000 บาท เบี้ยตกประมาณ 3หมื่นกว่าๆ

เบี้ยก็สูง ทุนประกันก็แค่นี้เองจะไปช่วยอะไรน้องเค้าได้

เนื่องจากน้องเค้ามีรายได้ยังไม่เยอะ

และมีค่าใช้จ่ายหลายอย่าง

แต่มีความจำเป็นต้องมีประกันในทุนที่สูง

ผมจึงแนะนำให้น้องรู้จักประกันชีวิตแบบTerm

ซึ่งเป็นแบบที่เบี้ยถูกมากๆ น้องเป็นผู้หญิงและอายุยังน้อย

เบี้ยตกประมาณแค่ 7พันกว่าบาทต่อปีเท่านั้นเองครับ

ข้อดีของแบบประกันแบบนี้คือ

เบี้ยประกันต่ำมากๆ (เบี้ยประกันขึ้นกับอายุและเพศ)

พอมีเงินมากขึ้นก็สามารถที่จะเปลี่ยนมาเป็นแบบประกันแบบไหนก็ได้

ในทุนประกันเท่าเดิมโดยไม่ต้องสนใจเรื่องสุขภาพ

แม้ว่าตอนนนั้นสุขภาพจะไม่ดีเพียงใดก็ตาม

การทำประกันแบบTermนี้

เหมือนกับคุณเช่าบ้านอยู่ไปก่อน

พอมีเงินค่อยไปซื้อมาเป็นบ้านของเราจริงๆครับ

คุณเห็นอะไรไหมครับ

หากมีการวิเคราะห์ความจำเป็น

และความสามารถในการชำระเบี้ยชัดเจน

คนขายและคนซื้อก็จะร่วมกันตัดสินใจ

เลือกแบบที่เหมาะสมสำหรับแต่ละคนได้ครับ

ครั้งหน้าที่จะคุณจะซื้อประกัน

หรือคนขายที่จะขายประกัน

ก็วิเคราะห์ความจำเป็น หาเหตุผลที่จะทำ

และประเมินความสามารถในการชำระเบี้ยก่อนนะครับ

เพื่อที่จะได้เตรียม

"เงินสดก้อนหนึ่ง

ที่จะมอบให้กับใครคนใดคนหนึ่ง

ในเวลาใด เวลาหนึ่ง"

ได้เหมาะสม