top of page
Writer's pictureMongkol Lu

เรียบง่ายแต่ได้ผล

ผมเห็นคนจำนวนมากที่พยายามหาทางว่าจะทำยังไงที่จะได้เงินเยอะๆ

ไม่ว่าจะดิ้นรนหาเงินทุกวิถีทาง

ขยันทำงานเพิ่ม เปลี่ยนงาน

หาทางลงทุนที่จะได้ผลตอบแทนเยอะๆ

บางครั้งก็ตกเป็นเหยื่อกับความโลภ

แต่ความเป็นจริงแล้วคนมักจะลืมสิ่งใกล้ตัวที่เค้าทำได้ทันที

นั่นคือการดูแลตัวเองเรื่องรายจ่าย

วันนี้ผมได้พบกับ"ซอ"

แฟนเพจที่ได้รางวัลโค้ชส่วนตัวเรื่องการเงินจากผม

น้องเค้าทำงานรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่งมีเงินเดือน24,000 บาท

และรายได้จากงานพิเศษส่วนหนึ่ง

ทุกวันนี้มีเงินที่ได้จากงานเดิมที่ทำงานที่ญี่ปุ่น

มาออมในหุ้นมาหลายปีแล้วประมาณ2ล้านบาท

มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่หักจากเงินเดือนๆละ 9%

นายจ้างสมทบอีก 9% ที่ปัจจุบันลงทุนในกองหุ้น

นอกจากนั้นยังมีลงทุนในLTF ทุกปีเพื่อหักลดหย่อนภาษี

และมีเงินที่ออมทุกเดือนๆละ5,000 บาท

ในสหกรณ์สำหรับพนักงานได้ดอกเบี้ย 6%

สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือ

น้องมีค่าใช้จ่ายส่วนตัวและจ่ายประกันให้แม่

รวมเดือนละแค่ 10,000 บาท

ผมถามว่าค่าใช้จ่ายส่วนตัวเดือนละไม่ถึง10,000 บาท

รู้สึกยังไงกับไลฟ์สไตล์แบบนี้

น้องบอกว่าก็ไม่ได้ลำบากอะไรอยู่ได้สบายๆ

พอใจกับการใช้จ่ายแค่นี้

พอวิเคราะห์เป้าหมายการเงินด้านต่างๆ

เงินที่ต้องมีเพื่อดูแลครอบครัวหากมีอะไรเกิดขึ้นกับเค้า

สินทรัพย์ที่แปลงเป็นเงินสดรวมกับประกันที่มีด็เพียงพอ

เป้าหมายเพื่อเกษียณเพื่อรักษาไลฟ์สไตล์เดิม

เมื่อคำนวณออกมาแล้วก็ต้องการเงินเพียงแค่7ล้านบาท

ลำพังเงินที่ออมกับสหกรณ์ก็น่าจะพอ

เงินที่จะได้จากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

จากหุ้นที่ออม จากLTF ที่ซื้อสะสม

ก็เป็นเงินส่วนที่จะเพิ่มความมั่งคั่งในอนาคต

หรือเผื่อเป้าหมายอื่นๆที่มีระหว่างทาง

ผมถามถึงการมีบ้านเป็นของตัวเอง

น้องตอบผมว่าก็น่าสนใจนะ

แต่ไม่ซีเรียสเพราะหากแต่งงานแม่แฟนก็ยินดีให้อยู่ด้วยที่บ้าน

เอาเงินที่จะใช้ผ่อนบ้านไว้ดูแลครอบครัวดีกว่า

ณ เวลานี้ที่ได้คุยกันพบว่าน้องได้มีการเตรียมตัว

เพื่อเป้าหมายสำคัญๆของชีวิตไว้แล้ว

เพียงแต่ต้องปรับปรุงแผนความคุ้มครองสุขภาพอีกนิดหน่อยเท่านั้น

สิ่งที่ทำให้น้องเค้ามีโอกาสสำเร็จทางการเงินได้

ไม่ใช่การที่ต้องมีรายได้สูงๆเป็นแสนเป็นล้าน

ไม่ใช่ต้องหาผลตอบแทนให้ได้ปีละ20-30%

แต่เป็นเพราะน้องเค้ารู้จักความพอเพียง

ประมาณตนเรื่องค่าใช้จ่าย

ทำให้เหลือเงินมาเก็บมาออม

ด้วยระบบการออมอัตโนมัติอย่างกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

และฝากประจำกับสหกรณ์ในที่ทำงาน

ถึงในอนาคตน้องอาจมีค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น

เช่นค่าใช้จ่ายดูแลครอบครัว ค่าใช้จ่ายการศึกษาลูก

แต่ผมก็เชื่อว่าด้วยนิสัยที่รู้จักประมาณตนเรื่องค่าใช้จ่าย

จะทำให้น้องเค้ายังสามารถมีเงินมาเก็บ มาออมได้เหมือนเดิม

ผมถึงบอกไงว่าคนจะรวยต้องเริ่มจากความเรียบง่าย

คือดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายให้ดีก่อนครับ


4 views0 comments
bottom of page