ตอนเด็กๆนะวิชาที่ผมไม่ชอบที่สุดคือวิชาเลขคณิต
ภาควิชาที่จะไม่เลือกเด็ดขาดตอนเรียนมหา'ลัย
คือภาควิชาการเงิน
แล้วผมมาถึงจุดนี้ จุดที่มาเป็นนักวางแผนการเงินได้ไงเนี่ย
อาชีพแรกและอาชีพเดียวในชีวิตผมคือ"ขายประกัน"
ผมเริ่มต้นทำตั้งแต่ผมเรียนจบใหม่ๆ
ผมทำมันได้ดีพอควร
มีรายได้มากกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกันมากมาย
ผมเติบโตและประสบความสำเร็จในสายอาชีพอย่างดี
หาเงินได้เยอะ แต่ก็ใช้จ่ายเยอะเหมือนกัน
ผมใช้จ่ายโดยไม่ต้องสนใจเลยว่าอนาคตจะเป็นยังไง
เพราะผมมั่นใจว่าผมยังหาเงินได้ดีแบบนี้ตลอดไป
วันหนึ่งผมมามองเงินในบัญชีต่างๆที่ผมมี
ผมแปลกใจว่าเมื่อเปรียบกับรายได้ที่ผมมี
ทำไมมันมีเหลือน้อยเหลือเกิน
มันทำให้ผมต้องให้ความสนใจเรื่องการเงิน
เริ่มศึกษา เริ่มอ่าน เริ่มเรียน
ผมพบว่าถึงแม้ว่าผมหาเงินได้เก่ง
แต่ผมจะไม่มีทางสำเร็จทางการเงินได้เลย
เพราะผมเก็บเงินไม่อยู่
อย่างที่ผมเล่าให้ฟังในหนังสือเล่มแรกของผม
"อยากรวยผมช่วยคุณได้"
เมื่อสิบกว่าปีก่อนผมมีค่าใช้จ่าย
ประเภทที่ไม่ใช่มีเงินอย่างเดียวถึงจะซื้อได้
แต่ต้องติงต๊องด้วยครับ
อย่างทีวีพลาสมาตัวละเกือบหกแสนใช้สองปีเจ๊ง
บ่อจากุชซี่พร้อมศาลาบนดาดฟ้าสามล้านกว่า
ที่ตั้งแต่ทำมาขึ้นไปใช้ไม่เกิน4ครั้ง
รถที่เปลี่ยนแล้ว เปลี่ยนอีก
อันนี้ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายประเภทนี้อีกเยอะครับ
ยิ่งผมเรียนรู้เรื่องการเงิน
ผมยิ่งพบว่าจุดเริ่มต้นของของความสำเร็จทางการเงิน
ไม่ใช่การหาเงินเก่งครับ
แต่เริ่มจากการจัดการเรื่องรายจ่ายครับ
ถึงคุณจะหาเงินได้เก่งขนาดไหนแต่ถ้าใช้หมด
มันก็ไม่มีความหมายอะไรจริงไหมครับ
วิธีจัดการรายจ่ายก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรครับ
แค่เริ่มจากจดบันทึกรายจ่าย
ทบทวนมากขึ้นระหว่าง
รายจ่ายที่จำเป็นกับรายจ่ายที่สนองความต้องการ
พอมีเงินเหลือเก็บก็เรียนรู้ที่จะนำไปออมไปลงทุน
ทำทุกวันๆก็ยิ่งมีความรู้ความเข้าใจเรื่องการเงิน
แล้วก็นำความรู้ ความเข้าใจที่พอมี
เอาไปถ่ายทอด เอาไปบอกต่อ
และนำไปช่วยผู้คนให้วางแผนการเงินเป็น
การมาถึงจุดนี้ของผมก็คงเหมือนกับหลายๆคน
ที่เริ่มจากปัญหา ที่นำให้ไปสู่ปัญญาครับ