“การลงทุนมีความเสี่ยง
แต่ความเสี่ยงที่แท้จริงของการลงทุนคือ
การขาดความรู้จริงในสิ่งที่ลงทุน”
สิ่งที่แตกต่างของนักลงทุน กับนักเสี่ยงโชค
ต่างกันตรงความรู้นี่หล่ะครับ
คนที่จะเรียกตัวเองเป็นนักลงทุนต้องมีความรู้ในสิ่งที่ลงทุนครับ
และความรู้สำคัญเรื่องหนึ่งที่นักลงทุนทุกคนควรรู้คือ
วิธีการในการจัดการเกี่ยวกับความเสี่ยงของการลงทุน
จากการศึกษาการลงทุนจากนักลงทุนที่สำเร็จในโลกพบว่า
วิธีการจัดการความเสี่ยงที่มีผลต่อความสำเร็จของการลงทุนมากที่สุดคือ
“การกระจายการลงทุน”
ทำไมวิธีนี้จึงได้ผลดีที่สุดหล่ะ
ก็เพราะมันไม่มีการลงทุนในสินทรัพย์ใดที่มีผลตอบแทนที่ดีตลอดเวลาไงครับ
ในแต่ละช่วงเวลา หรือแต่ละปี
บางปีหุ้นก็ดี บางปีพันธบัตรดี บางปีทองดี บางปีอสังหาฯดี
หรือบางปีแม้เงินฝากกับดีกว่าสินทรัพย์ทุกอย่าง
หากคุณรู้ว่าปีไหน หรือช่วงไหน สินทรัพย์ไหนจะมา
คุณก็คงเลือกสินทรัพย์แค่บางอย่าง
และทุ่มเงินลงทุนไปในสินทรัพย์ประเภทนั้นใช่ไหมครับ
แต่ความเป็นจริง
คุณไม่มีทางทำนายหรือคาดการณ์ได้ถูกต้อง 100%หรอกครับ
ดังนั้นสิ่งที่น่าจะเป็นคือ
คุณควรที่จะลงทุนในสินทรัพย์หลายๆอย่างในเวลาเดียวกัน
โดยเฉพาะสินทรัพย์ที่มีทิศทางของผลตอบแทนตรงข้ามกัน
อย่างหุ้นและตราสารหนี้
ซึ่งเค้าเรียกวิธีนี้คือการจัดสรรสินทรัพย์ หรือ Asset Allocation
วิธีการนี้อาจไม่ได้ทำให้คุณได้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด
แต่เป็นวิธีสำคัญที่จะทำให้พอร์ตการลงทุนของคุณ
เวลาที่มันตก มันจะได้ไม่ตกแรงจนเกินไป
ทำให้คุณพอที่จะทนได้กับความผันผวนแรงๆระหว่างทางได้
คราวนี้เราควรที่จะลงทุนในแต่ละสินทรัพย์ในสัดส่วนเท่าไรหล่ะ
มันก็ขึ้นกับความเสี่ยง แลผลตอบแทนที่คุณคาดหวังไงครับ
หากคุณทนรับความผันผวนอย่างแรงระหว่างทางไม่ค่อยได้
หรือคุณมีระยะเวลาลงทุนไม่นานนัก
สิ่งที่คุณควรจะทำคือลงทุนส่วนใหญ่
ในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนต่ำเช่นพันธบัตร หรือตราสารหนี้
และมีสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง
แต่มีโอกาสได้ผลตอบแทนที่สูงอย่างหุ้น ในสัดส่วนที่น้อยกว่า
เช่นมีหุ้นในสัดส่วนไม่เกิน10% ถึง 50% ของมูลค่าที่ลงทุน
หากคุณมีระยะเวลาลงทุนที่ยาวเช่น 5-10ปี
คุณเข้าใจและยอมรับความผันผวนระหว่างทางการลงทุนได้
คุณก็อาจเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มีโอกาสได้ผลตอบแทนที่สูง
แต่มีความผันผวนระหว่างทางที่สูงอย่างหุ้น
ในสัดส่วนที่มากกว่าสินทรัพย์ตราสารหนี้
เช่นมีหุ้นในสัดส่วนมากกว่า 50%ของมูลค่าที่ลงทุน
การจัดสรรการลงทุน
นอกจากจะกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่แตกต่างกันแล้ว
ในสัดส่วนสินทรัพย์ประเภทเดียวกันอย่างหุ้น
ก็ยังอาจกระจายการลงทุนไปสู่หลายๆภูมิภาค
หรือหลายๆอุตสาหกรรมเพื่อการจายความเสี่ยงได้อีกด้วย
หากคุณเป็นนักลงทุนทั่วไป
และไม่รู้ว่าจะกำหนดและบริหารสัดส่วนของสินทรัพย์ยังไง
ผมแนะนำให้ลงทุนใน”กองทุนรวมผสม”ครับ
ซึ่งเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ใช้กลยุทธการลงทุน”การจัดสรรสินทรัพย์”
ที่ง่ายสำหรับนักลงทุนที่ไม่ต้องการความผันผวนระหว่างทางสูงครับ
ขอให้ประสบความสำเร็จในการลงทุนกันนะครับ