ผมว่านะคนที่จะลงทุนในหุ้นเริ่มลงทุนในกองทุนรวมหุ้นก่อนก็น่าจะดีนะครับ
จริงๆแล้วกองทุนรวมหุ้นไม่ใช่เฉพาะมือใหม่อย่างเดียวหรอกครับ
ผมว่ามันเหมาะกับคนทุกคนหล่ะครับที่อยากลงทุน
ที่ผ่านมากองทุนรวมหุ้นบ้านเราก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไร
มีผลตอบแทนเฉลี่ยในรอบ5ปีมากกว่า 10% ต่อปี
มากกว่า 36 กองทุน(ตัวเลข ณ 23 มีนาคม 59)
ตัวเลขนี้ไม่รวมLTF RMF ที่ลงทุนในหุ้นอีกนะ
ถ้ารวมก็อีกอย่างน้อย18กอง กลายเป็น 54 กอง!!!!
กองทุนรวมหุ้นมี2ประเภทครับคือ
1.กองทุนที่เน้นเอาชนะผลตอบบแทนตลาด หรือ Active Fund
กองทุนประเภทนี้มีเป้าหมายการลงทุน
ที่พยายามทำผลตอบแทนเอาชนะผลตอบแทนของตลาด
เช่นหากปีนั้นตลาดหุ้นสร้างผลตอบแทน 10%
กองทุนนั้นต้องพยายามทำผลตอบแทนให้มากกว่า 10%
กองทุนประเภทนี้ต้องอาศัยฝีมือของผู้จัดการลงทุน
ในการคัดเลือกหุ้น และวางกลยุทธการลงทุนครับ
2.กองทุนประเภทสร้างผลตอบแทนตามดัชนี หรือ Passive Fund หรือ Index Fund
กองทุนประเภทนี้มีเป้าหมายการลงทุน
ที่จะทำผลตอบแทนให้เท่ากับตลาด
โดยจำลองการลงทุนให้เหมือนการลงทุนทั้งตลาด
หรืออาจจะลงทุนในหุ้น50ตัวแรก 100ตัวแรก
ชื่อของกองทุนประเภทนี้ส่วนใหญ่
จะมีชื่อลงท้ายด้วย SET ,SET50 ,SET100
กองทุนประเภทนี้ไม่ต้องอาศัยฝีมือของผู้จัดการลงทุนมากนัก
จึงไม่มีความเสี่ยงเรื่องฝีมือผู้จัดการกองทุน
โดยเชื่อว่าในระยะยาวแล้วตลาดเติบโต
ข้อดีอีกข้อของกองทุนประเภทนี้ค่าใช้จ่ายต่ำครับ
เนื่องจากการลงทุนในกองทุนนี้ลงทุนในหุ้น
จึงมีความผันผวนของราคาและผลตอบแทนระหว่างทางตลอดเวลา
ดังนั้นคนที่จะลงทุนในกองทุนหุ้น
จึงควรเป็นคนที่รับความเสี่ยงได้สูง
และควรมีเวลาลงทุนค่อนข้างยาว
ซึ่งในระยะยาวแล้วกองทุนประเภทนี้มีแนวโน้มเติบโต
วิธีการคัดเลือกกองทุนประเภทนี้จริงๆแล้วก้ไม่ได้ยากอะไรมากนัก
เพียงแต่คุณต้องรู้จักการหาข้อมูลให้เป็น
ซึ่งแหล่งข้อมูลที่คุณจะหาข้อมูลเรื่องกองทุนได้ดีคือในเวป
www.morningstarthailand.com
สิ่งทีคุณต้องดูเวลาเปรียบเทียบกองประเภทนี้คือ
-ความสม่ำเสมอของผลตอบแทนย้อนหลังสัก5ปี
เลือกกองที่มีผลตอบแทนชนะบ่อยๆในแต่ละปี
ในรอบ 5ปีที่ผ่านมา
-ดูตัวเลขสำคัญเช่น ค่าSharp Ratio หรือผลตอบแทนต่อหนึ่งหน่วยความเสี่ยง
ไหนๆจะเสี่ยงแล้วก้เลือกตัวที่เสี่ยงแล้วคุ้มกว่า
คือตัวที่มีค่านี้สูงกว่าตัวอื่น
-ดูค่าใช้จ่ายในการบริหารกองทุน Expense Ratio
หากกองทที่มีผลตอบแทนไม่ต่างกันเยอะ
ก็มาดูค่าตัวนี้ครับ วิธีเลือกก็เลือกตัวที่มีค่าตัวนี้ต่ำกว่า
ซึ่งหมายถึงมีค่าใช้จ่ายในการบริหารกองทุนต่ำกว่า
-ดูการกระจายตัวของหุ้นที่ถืออยู่
หากเราต้องการกองทุนที่มีการกระจายตัวของหุ้นที่ถืออยู่
ซึ่งหมายถึงมีการกระจายความเสี่ยงมากกว่า
ก็เลือกตัวที่มีจำนวนหุ้นมากกว่า
และไม่กระจุกตัวอยู่เฉพาะหุ้น10ตัวแรก
กองทุนรวมหุ้นน่าสนใจมากๆครับ
หากคุณแยกเงินที่จะลงทุนที่เป็นเงินเย็นออกมาก่อน
และสามารถทิ้งเงินให้รอโตได้
ลองเข้าไปหาข้อมูลกันก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนนะครับ