เรื่องหลายๆเรื่องในชีวิต คุณต้องเคยถูกบอก ถูกสอนให้คิดบวกใช่ไหนครับ
แต่เรื่องการเงินผมไม่แนะนำให้คุณคิดบวกนะครับ
อย่างเรื่องวางแผนการเงินเช่นวางแผนเกษียณ
ระหว่างวางแผนโดยคาดหวังว่า
จะได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 15% กับคาดหวังว่าได้ 8%
ผลลัพธ์ต่างกันเยอะนะครับ
เช่นคุณวางแผนที่จะมีเงินยามเกษียณ 20ล้านบาท
ถ้าตอนนี้คุณอายุ 40 คุณกะจะเกษียณที่อายุ 60
ถ้าคาดหวังผลตอบแทน 15%
แค่คุณออมเงินปีละ 169,765 บาทก็เข้าเป้าแล้ว
แต่ถ้าคุณคาดหวังผลตอบแทน 8%
คุณต้องออมเงินเพิ่มเป็น 404,670 บาท คุณถึงจะเข้าเป้า
อ่าวแล้วจะใช้ตัวไช้ผลตอบแทนตัวไหนดีหล่ะ
ผมแนะนำเลยนะครับสำหรับผู้ที่จะวางแผนการเงินเอง
คาดหวังตัวเลขน้อยๆเถอะครับ
หากคุณไปคาดหวัง 15% แล้วคุณก็เชื่อว่าจะได้ 15%
คุณเก็บเงินปีละ 169,765 บาทมาตลอด
แต่ถ้าไม่ได้ตามนั้นเช่นเหลือ 8%
คุณจะเหลือเงิน ณ วันเกษียณเพียง 8,390,282 บาท อดเกษียณเลยนะ
แล้วจะย้อนเวลามาแก้ตัวอะไรก็ไม่ได้ด้วยนะครับ
แต่ถ้าคุณคาดหวังแค่ 8% แล้วคุณก็เก็บเงินปีละ 404,670 บาท
ถึงเวลาจริงๆ คุณได้มากกว่าที่คาดก็ยิ่งดี
คุณอาจจะเกษียณเร็วขึ้นหรือมีเงินมากขึ้น ณ วันเกษียณ
มันปลอดภัยกว่าเยอะเลยใช่ไหมครับ
และผมขอฝากคนที่ทำงานวางแผนการเงินด้วยนะครับ
อย่ามองในแง่บวกนักเลย เพราะถ้าถึงเวลาไม่ได้ตามนั้น
อนาคตลูกค้าคุณดับวูบเลยนะครับ
และคุณจะโดนด่าแน่ๆ ผมบอกได้เลย
เรื่องการเงินอื่นๆเหมือนกันครับต้องมองเผื่อในทางร้ายก่อนเสมอ
เช่นหากลูกยังเรียนไม่จบ แล้วผู้ปกครองเป็นอะไรไปก่อนล่ะ
หากตอนแก่ แล้วลูกไม่เลี้ยงล่ะ
หากเจ็บป่วยขึ้นมา แล้วต้องใช้เงินรักษาก้อนใหญ่ล่ะ
หากเงินที่ลงทุนไปเสียหาย จะเอาเงินที่ไหนมาใช้จ่ายล่ะ
ต้องคิดเผื่อในทางร้ายแล้วหาทางป้องกันไว้ก่อน
ถ้าไม่เป็นไปตามที่คุณกังวล แต่คุณเตรียมเงินไว้แล้ว ก็ไม่เป็นไร
แต่ถ้าเป็นไปตามที่คุณกังวล แต่คุณไม่ได้เตรียมเงินไว้ ก็คงยุ่งแน่ๆ
วางแผนการเงินเป็นการคาดหวังในอนาคต
ดังนั้นคาดหวังทางร้าย หรือคิดลบไว้ก่อน
ชีวิตของคุณ และผู้วางแผนของคุณจะปลอดภัยครับ