เมื่อวานผมดูถ่ายทอดสดขบวนเสด็จพระราชดำเนิน
ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ห้ว
ในพระราชพิธีฉัตรมงคล
เห็นประชาชนมากมายรอรับเสด็จตลอดสองข้างทาง
เปล่งเสียง"ทรงพระเจริญ"ดังกึกก้องตลอดเวลา
เห็นพระพักต์ของท่านแล้วปลาบปลื้มดีใจจนน้ำตาไหล
เห็นคนไทยแสดงออกถึงความจงรักภัคดีต่อในหลวงแล้ว
ผมยังอยากให้คนไทยทุกคนได้เรียนรู้และน้อมนำสิ่งที่ในหลวงสอนพวกเรา
เรื่องการดำเนินชีวิตมาประพฤติปฏิบัติอีกด้วย
ซึ่งผมเชื่ออย่างสุดหัวใจว่าหากคนไทยนำมาปฏิบัติ
ปัญหาหลายๆอย่างในชีวิตจะหมดลงไป
หลักในการดำเนินชีวิตเรื่องเศรษกิจ เรื่องการเงินที่คนไทยเคยได้ยินแน่ๆคือ
หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ซึ่งประกอบด้วยหลัก
>ความพอประมาณ หมายถึงความพอดีที่ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกิน โดยไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น เช่น การผลิตและการบริโภคที่อยู่ในระดับพอประมาณ
>ความมีเหตุผล หมายถึงการตัดสินใจเกี่ยวกับระดับของความพอเพียงนั้น จะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผล โดยพิจารณาจากปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้น ๆ อย่างรอบคอบ
>การมีภูมิคุ้มกันทีดีในตัว หมายถึงการเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งใกล้และไกล
คำว่า “พอเพียง” จากพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2541
ณ ศาลาดุสิตดาลัย สวนจิตรลดา
พระราชทานความหมายของคำว่า “พอเพียง” ไว้ว่า
“…คำว่าพอเพียงมีความหมายอีกอย่างหนึ่ง
มีความหมายกว้างออกไปอีก
ไม่ได้หมายถึงการมีพอสำหรับใช้เองเท่านั้น
แต่มีความหมายว่า พอมีพอกิน
พอมีพอกินนี้แปลว่าเศรษฐกิจพอเพียงนั้นเอง…”
“…ให้เพียงพอนี้หมายความว่ามีกินมีอยู่
ไม่ฟุ่มเฟือยไม่หรูหราก็ได้แต่ว่าพอ
แม้บางอย่างอาจจะดูฟุ่มเฟือยแต่ก็ทำให้มีความสุข
ถ้าทำได้ก็สมควรจะทำ สมควรที่จะปฏิบัติ…”
“…Self-sufficiency นั้นหมายความว่า
ผลิตอะไรมีพอที่จะใช้ ไม่ต้องไปขอยืมคนอื่นอยู่ได้ด้วยตนเอง…”
ขอพระองค์จงทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ