top of page
Writer's pictureMongkol Lu

ฉลาดทางการเงินแบบนี้บอกได้เลยว่า...เสียว!!!

แนวคิดการสร้างฐานะทีผมว่ามันน่าสนใจมากๆคือ “คนทั่วไปมุ่งแสวงหาเงิน แต่คนรวยมุ่งแสวงหาสินทรัพย์” ผมว่ามันใช่เลยนะครับ

เพราะถ้าคุณแค่มุ่งแสวงหาเงิน สะสมเงิน เงินมีแต่จะลดค่า จากกการโดนเงินเฟ้อกัดกิน แต่สินทรัพย์ที่มีจำกัด แต่คนต้องการ นับวันก็มีแต่จะเพิ่มค่า คนอยากรวยในยุคนี้จึงควรคิดเรื่องการแสวงหาสินทรัพย์ครับ

มีวิธีแสวงหาสินทรัพย์ที่ถูกสอนกันเยอะในช่วงนี้ แต่ผมว่ามันหวาดเสียวพิกลๆนะครับ วิธีการที่ว่าคือการเป็นเจ้าของสินทรัพย์โดยใช้เงินคนอื่นครับ

ผมเจอเคสที่ผมให้คำปรึกษาวางแผนการเงินอยู่2-3 เคสครับ ที่ไปเข้าเรียนคลาสเกี่ยวกับการลงทุน โดยการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์แล้วเอาไปให้เช่า วิธีการที่บอกว่าใช้เงินคนอื่นสร้างสินทรัพย์ให้ตัวเองคือ การที่ไปขอกู้กับธนาคารเพื่อไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ แล้วหาคนมาเช่า โดยพยายามให้มีค่าเช่าที่เก็บได้ ใกล้เคียงหรือมากกว่าค่าผ่อนอสังหาฯที่เปิดให้เช่าครับ

วิธีการที่ใช้ดูเป็นวิธีการสำหรับคนที่มีความฉลาดทางการเงินจริงๆครับ ใช้เครดิตจากงานประจำของตัวเองเพื่อไปขอกู้เงินมาลงทุน

ถ้ามันเป็นวิธีที่ค่อยเป็น ค่อยไป เปิดเช่าหลังหนึ่งไปเวลาหนึ่งพอลดหนี้ไปแล้วค่อยไปกู้ที่2 ที่3 แล้วให้เช่า ก็ไม่น่าห่วงอะไร ก็น่าจะทำได้ครับ

แต่ 2 -3 เคสที่ผมได้มีโอกาสปรึกษาการเงินให้ ผมว่ามันน่าจะเกินไปหน่อยนะครับ

เคสที่ผมเจอทั้งหมดทำงานประจำที่มั่นคง มีรายได้ต่อเดือนประมาณ 60,000 – 100,000 บาท ไปเข้าเรียนในคลาสแล้วเค้าสอนทริคให้เวลาขอกู้ คือเมื่อไปยื่นขอกู้อสังหาฯกับธนาคารที่หนึ่ง ในระหว่างที่รออนุมัติสินเชื่อ ก็เอาหลักฐานการเงินของตัวเองไปขอกู้อสังหาฯอีกชิ้นหนึ่งกับธนาคารที่ 2 อสังหาฯชิ้นที่ 3 กับธนาคารที่ 3 และก็ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆหลายๆธนาคาร โดยอาศัยช่องว่างที่ธนาคาร แต่ละแห่งยังเช็คข้อมูลหนี้ที่ผู้ขอกู้มียังไม่ได้ ด้วยหลักฐานการเงินที่ยื่นและหลักทรัพย์ที่ขอกู้ดูดี ธนาคารทุกแห่งก็อนุมัติเงินกู้ทุกแห่ง

เคสที่ผมเคยเจอมาทุกเคส จำนวนเงินรวมที่ผ่อนชำระเงินกู้ซื้ออสังหาฯทุกแห่งรวมกันในแต่ละเดือน มากกว่าเงินเดือนประจำที่ผู้กู้ได้รับจากการทำงานประจำเสียอีก ซึ่งถ้าธนาคารรู้ก็คงไม่สามารถอนุมัติเงินกู้ให้ได้ เพราะหลักการแล้วธนาคารจะให้กู้ โดยที่จำนวนเงินที่ผู้กู้จะใช้ผ่อนหนี้สินต่างๆที่มี จะต้องไม่เกิน 40-45%ของรายได้ แต่เคสพวกนี้ล่อไป ร้อยกว่าเปอร์เซ็นต์ของรายได้ แต่ละเคสที่ผมเจอมีมูลค่าหนี้สินรวมกัน คนละเกือบ20ล้านบาท!!!

ที่ผมบอกว่าน่าหวาดเสียวก็เพราะว่า หากคนที่กู้เกิดหาค่าเช่าไม่พอกับค่าผ่อนแล้วจะทำยังไง ปล่อยให้ธนาคารยึดอสังหาฯไปแล้วล้างหนี้? คุณว่ามันจบแค่นั้นเหรอ... ไม่แน่นอน มีเรื่องที่ตามมาอีกเยอะ ทั้งฟ้องร้อง ทั้งเสียเครดิตมากมาย อย่าลืมนะครับว่าค่าเช่านั้นไม่แน่นอน แต่ค่าผ่อนมันแน่นอน ว่าไหม

อีกอย่างหากผู้ขอกู้เกิดเป็นอะไรไป หนี้สินจะตกไปเป็นความรับผิดชอบของใคร ถ้าไม่ใช่คนที่เค้ารัก ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ หรือครอบครัว คุณอาจจะบอกว่าถึงเวลานั้นก็ให้เค้าขายหรือเก็บค่าเช่าแล้วผ่อนต่อ คุณว่าคนที่อยู่ข้างหลังอย่างพ่อแม่จะรับผิดชอบและทำไหวเหรอ

ผมอยากเตือนคนที่คิดจะใช้ความฉลาดทางการเงินแบบนี้ คิดให้ดี คิดให้รอบ อย่ามองแต่จะได้อย่างเดียวครับ มองเผื่อหากพลาดด้วย อย่ามั่นใจมากเลยครับ

ความฉลาดทางการเงินเป็นสิ่งที่ดีนะครับ แต่อย่าถึงฉลาดแบบนี้เลย บอกตรง...เสียว


8 views0 comments
bottom of page